
วัยรุ่นทรงเจ้า (The Teenage Psychic)
“ฉันชื่อ เซี่ยหย่าเจิน อายุ 16 ปี แหละนี่คือชีวิตของฉัน”
เมื่อ HBO Asia (Home Box Office) ประกาศสร้างซีรีย์สัญชาติไต้หวัน The Teenage Psychic แล้วเอาตัวอย่างมาฉาย ก็ยังดูเฉยๆไม่จูงใจอะไรให้เข้าไปดูนัก ยังนึกอยู่ว่าคงเป็นวัยรุ่นคลายเครียดธรรมดาๆที่จับเอาตัวเอกที่เป็นเด็กมีความสามารถพิเศษเหนือมนุษย์ ไม่เห็นน่าจะมีอะไรให้เสียเวลาดู
พอมาทราบว่า ซีรีย์ดังกล่าวได้รางวัลชนะเลิศ Best Miniseries ของการประกวด Golden Bell Award ครั้งที่ 52 และได้รับรางวัลชนะเลิศ ผู้แสดงสนับสนุนหญิงยอดเยี่ยมอีกรางวัลหนึ่งด้วย จึงอยากเข้าไปดูสักตอนว่าน่าสนใจอย่างไร
ซีซันแรก ของมินิซีรีย์ดังกล่าว มี 6 ตอนๆละประมาณ 50 นาที ตัวเอกของเรื่อง เซี่ยหย่าเจิน หรือ เสียวเจิ้น เป็นเด็กหญิงวัย 16 ปี หน้าตาทรงผมแบบทอมๆ มาโรงเรียนสายเป็นประจำ กลางวันหลับในห้องเรียน เพราะกลางคืนต้องไปเป็นเจ้าแม่น้อยทรงเจ้าในศาลเจ้า ติดต่อกับวิญญาณและปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย กลายเป็นตัวเดินเรื่องที่น่าสนใจ เป็นวัยรุ่นที่อยากมีเพื่อน อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง อยากมีคนรัก แต่ต้องมาแบกโลกแก้ไขปัญหาสารพัดของผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ของคนที่ไม่มีทางออกด้วยวิธีปกติต้องหันมาพึ่งพาความเชื่อในเรื่องทรงเจ้า ไปจนถึงปัญหาภาระหนี้สินของศาลเจ้าที่หากขาดเจ้าแม่น้อยเป็นตัวหลักในการทรง อาจถึงขั้นต้องถูกปิดกิจการจากมาเฟียในพื้นที่
การเขียนบทผูกเรื่อง คลี่คลายปมและค่อยๆเสริมเติมตัวละครเข้ามาในแต่ละฉากแต่ละตอน ดูประณีตงดงาม และสอดรับ พร้อมทั้งสอดแทรกปรัชญาวิธีการคิดการดำรงชีวิตที่ดีตามความเชื่อแบบตะวันออกมากมาย ตัวละครที่โผล่มาในตอนหนึ่งแล้วจบไป ก็กลับมาโผล่ได้ในตอนอื่นๆ จนเหมือนเป็นภาพเชื่อมต่อเป็นภาพเดียวตลอดซีซันแรก
เมื่อดู Episodeแต่ละตอนจบ จึงเหมือนตัวเร่งเร้าให้รีบดู Ep. ต่อๆไปอย่างกระหาย และเชื่อว่าหลายคนที่ดูคงเหมือนผมที่จะเพลิดเพลินดูต่อเนื่องจากตอนที่ 1 ถึง 5 โดยแทบจะไม่พัก แต่จะหยุดและทำใจอยู่นานว่า จะกล้าดูตอนที่ 6 ซึ่งเป็นตอนจบของซีซันนี้ต่อหรือไม่
นักร้อง Alice ที่มีพฤติกรรมซึมเศร้าของตัวเองและเป็นแกนเรื่องใน Ep.1 ต้องอาศัยเจ้าแม่น้อยทรงเจ้าช่วยให้คืนมาเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิม กลับมาแสดงความสามารถในร้องเพลงประกอบกีตาร์โปร่งในตอนท้ายของ Ep.5 ด้วยกับการตัดสลับฉากเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้คนดูรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับหนัง ที่เป็นจุดพีคสุดของเรื่องในตอนจบของ Ep.5 จนไม่กล้าที่จะเปิดดู Ep.6 ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย
เหมือนเสียดายว่าหนังจะจบ เหมือนกลัวว่าสิ่งที่หนังปูเรื่องไว้จะเป็นจริง เหมือนกับกลัวความสุขที่ได้รับจาก 5 ตอนแรกจะสูญสลาย เหมือนกับทำใจไม่ได้ว่าจะมีวันรุ่งขึ้น ทุกคนที่ดูคงรู้สึกเช่นนี้
ผมทอดเวลาไปสองวัน จึงตัดสินใจดูต่อใน Ep.6 และต้องบอกว่า สมแล้วที่ได้รับรางวัลชนะเลิศมินิซีรีย์ แม้ตัวเอกเสียวเจิ้น (แสดงโดย เหยา เหยา) จะถูกเสนอชื่อแต่พลาดรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม โดยกลับได้รางวัลนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยมที่ก็แสดงได้อย่างเหมาะสมแล้วคือ ตัว Alice ที่โผล่มาในตอนแรกและตอนที่ 5 ที่เป็นไฮไลท์ของเรื่อง
หนังเรื่องนี้ จึงเป็นหนังที่อยากจะแนะนำให้หามาดู ดูจบ Ep.5 และกล้าๆหน่อยที่จะเปิด Ep.6 ครับ
หนังสอนให้เราต้องกล้าเผชิญกับความเป็นจริง ไม่ว่าจะดีหรือจะเลวร้ายอย่างไร เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องกล้าเจอมันและทำให้ดีที่สุด